เนื่องจากในวันที่ 4 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เราได้เขียนฟิคลงงาน Hatsunetsu
: Haikyuu!! Only Event
ในบูธ D09: fahtoshi จึงขอใช้โอกาสนี้มาลงพรีวิวเนื้อเรื่องในเล่มสักเล็กน้อยเพื่อประกอบการตัดสินใจ
จากงานแปลที่ลงในบล็อกที่ผ่านมา
คงพอเดากันได้ว่าต้องเกี่ยวกับชิราโทริซาวะแน่นอน ฮาาาา
ใช่แล้วค่ะ! งานนี้เขียนคู่ชิราบุ x สึโตมุ & ชิราโทริซาวะค่ะ
เป็นเล่มใหม่ในแฟนด้อมใหม่ ตื่นเต้นมาก แง
ได้คุณ nunamna มาวาดปกให้
สวยและประทับใจมากจนน้ำตาจะไหลเลยค่ะ ฮืออออ ปลาบปลื้ม
สำหรับผู้ที่สนใจ ขอเชิญตอบแบบสอบถามทางด้านนี้เลยค่ะ>>จิ้ม
ขอฝากด้วยนะคะ แล้วเจอกันในงานค่ะ!
ชิ~~~~~ราโทริซาวะ!
-----------------------------------------------
解けるまでの距離
The
Distance to Solve
Shirabu
Kenjiro x Goshiki Tsutomu
&
Shiratorizawa
“ตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะหัดกินมือซ้ายครับ!”
หา
เสียงคุ้นเคยลอยเข้าหูทำให้ชิราบุซึ่งกำลังยกซุปมิโสะขึ้นมาซดต้องชะงัก
เขาขมวดคิ้วมองโต๊ะข้างๆ โดยยังถือซุปมิโสะค้างอยู่ในมือ
และภาพที่เห็นเป็นไปตามคาด
โกะชิกิยืนจังก้า
ประกาศเจตจำนงต่อหน้าอุชิจิมะ ดวงตาฉายแววมาดมั่นเต็มที่
ไม่สนแม้อีกฝ่ายจะเหลือบมองเงียบๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ
หมอนั่น...เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย
“งั้นเหรอ”
อุชิจิมะกล่าวสั้นๆ
เพียงแค่นั้นแล้วตักเนื้อต้มมันฝรั่งเข้าปาก
“วันนี้เอาอีกแล้วสินะ”
“ยังหาเรื่องมาแข่งได้ตลอด
ไม่รู้จักเข็ดจริงๆ น้อ”
โอฮิระกับเท็นโดยิ้มเนือยๆ
แสดงความละเหี่ยใจ
ชิราบุเห็นด้วยกับทั้งคู่สุดๆ
หลังหมดคาบ
ชิราบุตรงดิ่งมาโรงอาหารเพื่อกินอาหารกลางวันตามปกติ
พร้อมกับภาวนาขอให้ได้เจออุชิจิมะ น่ายินดีที่ส่วนใหญ่สวรรค์มักเมตตาเขา
เมื่อเห็นอุชิจิมะตรงโต๊ะริมหน้าต่างกับเท็นโดและโอฮิระ จึงไม่ลังเล
ชวนเพื่อนร่วมห้องที่มาด้วยกันไปนั่งโต๊ะข้างๆ
แต่แล้วไม่ถึงสามนาที
โกะชิกิโผล่มาจากไหนไม่รู้ ร่วมโต๊ะกับพวกอุชิจิมะหน้าตาเฉย
กล้าดียังไง...ชิราบุเริ่มตาเขียว
จับตาดูความเคลื่อนไหวของโกะชิกิพลางขยับมือกินอาหาร
“คอยดูนะครับ
คุณอุชิจิมะ!”
โกะชิกินั่งลงข้างเท็นโด
มือซ้ายจับตะเกียบ
เพ่งมองเนื้อต้มมันฝรั่งแบบเดียวกับอุชิจิมะในจานเหมือนกำลังเลือกว่าจะคีบชิ้นไหนดี
เท็นโดเห็นแล้วตบบ่าให้กำลังใจ
“ไฟแรงน่าดูเลยนะสึโตมุ
พยายามเข้าล่ะ”
“ขอบคุณครับ!”
ส่วนโอฮิระคงปลงแล้วเลยไม่ห้าม
คนถนัดขวา กินข้าวข้างขวาทุกวัน จู่ๆ
ทะลึ่งริอ่านลองมือซ้าย ดูซิจะไปได้สักกี่น้ำเชียว ชิราบุจับจ้องโกะชิกิไม่วางตา
ขณะเดียวกัน เท็นโดหยุดตะเกียบ เปลี่ยนมาเอาใจช่วยอย่างลุ้นๆ รอดูว่าจะรอดหรือเปล่า
“เอาล่ะนะ”
ให้สัญญาตัวเองแล้วลงมือคีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างแม่นยำราวกับเล็งไว้
“โอ้ ทำได้จริงๆ
ด้วย”
เท็นโดร้องทึ่ง ไม่ทันขาดคำ
เนื้อลื่นหลุดกลับลงไปในจานเหมือนเดิม
“อ๊ะ...”
โกะชิกิลนลาน เอาตะเกียบคีบเนื้อชิ้นนั้นอีกครั้ง
คราวนี้มันกลับหล่นออกมานอกจาน ดูท่าเนื้อจะยากเกิน
โกะชิกิจึงเปลี่ยนไปคีบแครอทแทน แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
“หนะ หนอย”
โกะชิกิกัดฟันกรอด เค้นพลังสุดตัว
พุ่งเป้ายังมันฝรั่งซึ่งดูคีบง่ายสุดเพราะชิ้นใหญ่กว่าใครเพื่อน คีบได้ปุ๊บพลอยยิ้มกว้าง
ยกโชว์สูงหมายจะอวดให้พวกรุ่นพี่เห็นฝีมือ ทว่า...
“อ๊ะ เฮ้ย
เดี๋ยว อย่าเพิ่ง...ตก...! อา...”
มันฝรั่งตกกระทบโต๊ะ เด้งวาดเส้นโค้งสวย
ร่วงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงโดยที่โกะชิกิไม่อาจทำอะไรได้เลย
สมน้ำหน้า
ชิราบุแค่นหัวเราะเบาๆ
ด้านเท็นโดถึงกับขำลั่น
“ฮะๆๆ
เพิ่งเคยเห็นคนเอาตะเกียบไล่คีบมันฝรั่งครั้งแรกเลย! ทำไปได้เนอะสึโตมุ ฮะๆๆ” กลั้นมาตลอด
ถึงคราวจึงปล่อยไม่ยั้งชนิดสร้างความอับอายมหาศาลให้แก่โกะชิกิจนหน้าแดง
“ไม่ยอมแพ้หรอกครับ!
เมื่อกี้นี้ผมประมาทไปหน่อย คราวนี้แหละ จะต้องกินให้ได้เลย!”
โกะชิกิไม่ถอดใจง่ายๆ
ยังยืนยันเดินหน้ากินด้วยมือซ้ายต่อ
โอฮิระรีบห้ามก่อนอีกฝ่ายจะทำเสียของไปมากกว่านี้
“พอเถอะ
มันหกหมดแล้วนะ”
โกะชิกิส่ายศีรษะ
“ไม่ครับ!
ผู้ชายที่จะก้าวเป็นมือหนึ่ง หากตัดสินใจแล้วต้องไปให้สุด! พูดแล้วต้องไม่คืนคำ!
อ๊ะ...” พูดจบ
ข้าวสวยที่อุตส่าห์คีบได้หล่นพลัน
“คำพูดคำจากับหน้าม้าเท่ดีอยู่หรอก
แต่การกระทำนี่ไปคนละอย่างเล้ย ฮะๆๆ”
“นั่นสิ เอ้า
ทิชชู” โอฮิระยื่นทิชชูให้และเกลี้ยกล่อม
“เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวกันพอดี
เอาเป็นว่าวันนี้ใช้มือขวาไปก่อน ไว้ฝึกมือซ้ายคล่องเมื่อไรค่อยว่ากันอีกทีนะ”
โกะชิกิพยักหน้าว่าง่ายทั้งแค้นใจ
“อึก...ขอบคุณครับ”
“ดีมาก”
ชิราบุไม่ค่อยชอบวิธีปฏิบัติเหมือนโกะชิกิเป็นเด็กแบบนี้เท่าไรเลย
แทนที่จะพูดจาดีๆ สู้ดุด่าเสียแต่แรก อีกฝ่ายจะได้จำแล้วไม่กล้าทำอีกไม่
ดีกว่าหรือ เล่นโอ๋ทุกรอบก็เคยตัวหมด รังแต่จะหาเรื่องมาอีกเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือไง
ชิราบุเคยออกความเห็นกับพวกรุ่นพี่ไปแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน
“ช่วงนี้เห็นกินเหมือนวากะโทชิคุงทุกวันเลยนี่
ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
เท็นโดโพล่งถาม
กลืนข้าวลงคอหมดเรียบร้อย
โกะชิกิจึงค่อยตอบ
“ไม่เลยครับ
วันนี้ได้กินเนื้อต้มมันฝรั่งที่ไม่ได้กินมาสักพักแล้วด้วย”
“แต่ที่ผ่านมากินฮายาชิไรส์ตลอดนี่นา
มันต้องมีบ้างสิ ถึงวากะโทชิคุงจะกินได้ทุกวันไม่เบื่อก็เถอะ”
อุชิจิมะได้ยินชื่อตัวเองเข้า
เงยหน้ามองเท็นโดอย่างงงๆ เล็กน้อย
“คุณย่าสอนไว้ว่าอย่าเลือกกิน
ไม่ว่าอะไรผมกินได้หมดแหละครับ”
โอฮิระถามบ้าง
“แล้วมีของที่ชอบบ้างหรือเปล่า”
“มีครับ
ผมชอบปลาคาเร่ต้มโชยุ”
“เห
สมัยนี้หากินยากเหมือนกันนะ” เท็นโดส่งเสียงประหลาดใจแทรกขึ้นมา “คุณย่าทำให้กินบ่อยเหรอ”
โกะชิกิยิ้มพยักหน้า
จากนั้นพูดอะไรต่ออีกไม่รู้ ชิราบุฟังไม่ชัดเนื่อง จากมีประกาศลำโพงเสียงตามสายดัง
เรียกให้นักเรียนสักคนไปพบที่ห้องพักครู
เดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังเล่าเกี่ยวกับปลาคาเร่ต้มโชยุกระมัง
เสียงประกาศเงียบลงเวลาเดียวกับที่โอฮิระพูด
“ว่าแต่แขนเสื้อยาวแบบนั้น
ไม่เกะกะหรือไง”
ชิราบุพลอยมองแขนเสื้อโกะชิกิตาม พบว่าเสื้อนอกและเสื้อเชิ้ตยาวเกือบคลุมทั้งมือ
“เออ ใช่!
พอเรองพูดแล้วนึกขึ้นได้ ว่าจะทักอยู่เหมือนกันแต่ลืม อย่าบอกนะว่าโมเอะโซเดะ”
“เอ๊ะ
โมเอะโซ...อะไรนะครับ”
โกะชิกิทำหน้างง เท็นโดจึงอธิบาย
“หมายถึงใส่เสื้อแขนยาวกว่าปกติจนคลุมถึงข้อมือเพื่อให้ดูน่ารักไง
แบบที่สึโตมุใส่อยู่นั่นแหละ เขาเรียกโมเอะโซเดะ
น่าจะเคยเห็นในอนิเมหรือตามหนังสือการ์ตูนบ้างไม่ใช่เหรอ”
โกะชิกิถึงบางอ้อ จากนั้นปฏิเสธ
“ไม่ใช่ครับ
เข้าใจผิดแล้ว ตัวนี้ซื้อมาไซส์ใหญ่ว่าปกติเพราะผมกะไว้ว่าจะสูงขึ้นอีกเจ็ดเซนน่ะ”
ซื้อมาเผื่อโตนี่เอง
พอคิดว่าต่อจากนี้โกะชิกิจะสูงขึ้นอีก
ชิราบุก็นิ่วหน้า กินข้าวเสร็จแล้วเขาจะไปซื้อนมที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติ
เอายี่ห้อที่มีแคลเซียมสูงสุดเลย
“เจ็ดเซนเหรอ
ถ้าจำไม่ผิด สึโตมุสูงร้อยแปดสิบเอ็ดสินะ ตั้งใจจะสูงให้เท่าวากะโทชิล่ะสิ” โอฮิระลองหยั่งเชิง
น่าแปลกที่โกะชิกิยอมรับตรงๆ
“ครับ
ตอนนี้ตั้งใจไว้อย่างนั้น ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อไร
จะสูงให้ได้มากกว่านั้นอีกครับ”
“แม้กระทั่งส่วนสูงก็คิดจะข่มเขาให้ได้หรือไง”
ชิราบุนึกว่าเผลอหลุดพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปจึงแอบตกใจนิดหน่อย
คาดไม่ถึงว่าเท็นโดจะคิดเหมือนกัน
“เพราะส่วนสูงคือคุณสมบัติของมือหนึ่งนี่ครับ!” โกะชิกิเถียง “ยิ่งสูงยิ่งดี!
ถ้าเราสูง จุดตบก็จะสูงตาม ทำให้สามารถตบลูกแรงๆ กระชากเอาแต้มมาให้ทีมได้ชัวร์ๆ
ใช่ไหมล่ะครับ”
“โอ๊ะ
รอบนี้เหตุผลฟังขึ้นแฮะ”
“ก็จริงนะ
ตัวสูงย่อมได้เปรียบ แต่ต้องไม่ลืมพัฒนาฝีมือควบคู่ไปด้วยล่ะ”
โอฮิระคล้อยตาม ชิราบุเองไม่คัดค้าน
สิ่งที่โกะชิกิพูดนับว่าสมเหตุสมผลทีเดียว
“ไม่มีทางลืมหรอกครับ
เพราะผมคือผู้ที่จะเป็นมือหนึ่งและก้าวข้ามคุณอุชิจิมะไปให้ได้
จะพิสูจน์ให้ดูว่าผมนี่แหละเหมาะสมกับมือหนึ่งมากกว่า!”
“ไฟแรงก็ดีอยู่
แต่ก่อนหน้านั้นต้องกินข้าวให้หมดซะก่อนนะ”
“ครับ!”
ยังจะครับอีก...เท็นโดหัวเราะคิกคัก
หากไม่นับทรงผมและท่าทีอวดดี
จ้องแต่จะข่มอุชิจิมะ โกะชิกิถือเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายใช้ได้คนหนึ่งอยู่หรอก
กระนั้น เพียงแค่ว่านอนสอนง่ายอย่างเดียว
ใช่ว่าจะทำให้ทัศนคติของชิราบุที่มีต่อโกะชิกิเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน
สมมติระดับชนชั้นในสมองของชิราบุเปรียบได้กับรูปสามเหลี่ยม ยอดบนสุดคือ อุชิจิมะ
ผู้ซึ่งเปรียบดังพระเจ้าที่เคารพรัก รองลงมาคือ โอฮิระ ยามางาตะ คาวานิชิ เท็นโด
เซมิ ตามลำดับ ส่วนฐานล่างสุด ยกให้โกะชิกิครอบครอง
พระเจ้าไม่อาจลดตัวลงมาเกลือกกลั้วบนพื้นล่างฉันใด
สุนัขย่อมไม่มีทางไต่ขึ้นไปข้างบนได้ฉันนั้น
ระหว่างคิดเรื่อยเปื่อย
ชิราบุได้ยินเสียงอุชิจิมะดังขึ้น
“ขอบคุณสำหรับอาหาร
ขอตัวล่ะ”
“ยังกินไวไม่เปลี่ยนน้าวากะโทชิคุง”
“แล้วเจอกันที่ชมรมนะ”
“อืม”
อุชิจิมะลุกจากเก้าอี้
ถือถาดอาหารซึ่งเหลือเพียงจานว่างเปล่าเดินออกไป เห็นดังนั้น
โกะชิกิจึงกระวีกระวาดตักข้าวใส่ปาก เสร็จแล้วดื่มน้ำรวดเดียวหมดก่อนลุกพรวด
“เดี๋ยวสิครับ
คุณอุชิจิมะ รอผมด้วย!”
ชิราบุจะอ้าปากบอกโกะชิกิว่าอย่าไปรบกวนอุชิจิมะ
แต่ช้าเกินไปทำได้แค่มองแผ่นหลังของโกะชิกิวิ่งตามอุชิจิมะต้อยๆ
ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมา
...อย่างกับลูกหมาไม่มีผิด
หลังมือหนึ่งทั้งสองออกจากโรงอาหาร
เพื่อนที่มาด้วยกันขอตัวลุกเพราะมีธุระจึงเหลือชิราบุคนเดียว
เขาเร่งมือจัดการไข่หวานกับปลาซาบะย่างเกลือที่เหลืออยู่ให้หมด
ขณะหยิบถาดและกำลังจะก้าวขานั้นเอง
เท็นโดกับโอฮิระโต๊ะข้างๆ ลุกขึ้นด้วย ทำให้สบตากันพอดี
“ไง เค็นจิโร่” เท็นโดยิ้มทัก
“คุยกันท่าทางสนุกดีนะครับ”
“นายน่าจะมาร่วมวงด้วยกันนะ
เอาแต่มองอยู่นอกวง แถมยังส่งสายตาน่ากลัวมาเป็นระยะๆ อีก หลอนสุดๆ เลยนะเออ
คราวหน้าอย่าทำอีกเชียวล่ะ”
เท็นโดผวา
เนื่องจากนั่งอยู่ข้างโกะชิกิเลยโดนลูกหลงไปด้วย
“ช่วยไม่ได้หรอกครับ
เพราะโกะชิกินั่งอยู่”
ชิราบุตอบระหว่างทางไปเก็บถาด
“แค่นั้นเนี่ยนะ
นี่นายโกรธแค้นสึโตมุมาแต่ชาติปางไหนหรือเปล่าฮึ”
“มันสมควรไหมล่ะครับ
ทั้งที่ถนัดขวาแท้ๆ กลับกินมือซ้าย หวังจะเลียนแบบคุณอุชิจิมะโดยไม่ได้ดูตัวเองเลย
ทำเหมือนของกินเป็นของเล่นไปได้ ถึงคุณอุชิจิมะจะไม่ว่าอะไร
แต่ผมไม่ให้อภัยเด็ดขาด”
“เหวอ น่ากลัว
เค็นจิโร่น่ากลัวชะมัด”
เท็นโดถอยไปทางโอฮิระเพื่อหลบออร่าดำมืดซึ่งแผ่มาจากตัวชิราบุ
“ฉันว่านายมองในแง่ลบมากเกินไปหน่อยมั้ง
บางครั้งสึโตมุเสียงดังน่ารำคาญก็จริง แต่ปกติน่ารักออกนะ คุยด้วยแล้วไม่เบื่อเลย”
“น่ารัก?”
ชิราบุเลิกคิ้ว
ช่างเป็นคำพูดที่เหลวไหลเอามากๆ
“ที่ผมเห็นก็แค่เด็กอวดดี
มองคุณอุชิจิมะเป็นคู่แข่งเกินความจำเป็นเท่านั้นเอง เอะอะหาเรื่องข่มตลอด
ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงกัน”
“ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจนะ”
โอฮิระโพล่งขึ้น
“ลองได้มาเจอกับวากะโทชิ
ผู้ที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถและพรสวรรค์ เล่นตำแหน่งเหมือนกัน
แถมอยู่ทีมเดียวกันอีก ใครอยากยอมแพ้บ้างล่ะจริงไหม”
ขนาดฉันเองยังคิด
เพราะงั้นถึงซ้อมหนักทุกวันเพื่อไม่ให้น้อยหน้าวากะโทชิ...โอฮิระเสริมเจือรอยยิ้ม
เท็นโดพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจดีเลยล่ะ
“พวกเรามีแต่คนเกลียดความพ่ายแพ้ทั้งนั้นนี่เนอะ
อย่างสึโตมุเอง แพ้วากะโทชิคุงตลอด เรียกร้องความสนใจขนาดไหน เขาก็ไม่สน
แต่ไม่เคยท้อ หานู่นหานี่มาข่มเพื่อจะเอาชนะให้ได้ ไม่คิดว่ามันสุดยอดไปเลยเหรอ แค่เห็นเรายังเหนื่อยแทนเลย
ทำแบบนั้นได้มีแต่พวกบ้าเท่านั้นแหละ”
เพราะเป็นคนบ้าจริงๆ นี่นะ...ชิราบุคิด
“เวลาเลียนแบบวากะโทชิคุงนะตลกน่าดู
จำได้ไหม ตอนท้าวิ่งแข่งช่วงเข้าชมรมแรกๆ น่ะ หมดแรงกลับมาจนโดนทันจิคุงสวดยับเลย
ฉันนี่กลั้นขำแทบตาย”
เท็นโดย้อนนึก หัวเราะคนเดียว
ชิราบุไม่ตลกด้วย
“คุณเท็นโดก็รู้จักห้ามบ้างสิครับ
ถ้าหมอนั่นสร้างความเดือดร้อนให้คุณอุชิจิมะมากไปกว่านี้ จะแย่เอานะครับ”
“หืม
ฉันไม่เห็นวากะโทชิคุงจะมีปัญหาอะไรเลยนะ”
ชิราบุถึงกับพูดไม่ออก
แม้อยากท้วงใจจะขาด
แต่ต้องยอมรับว่าเท็นโดพูดถูก
หากลองทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่โกะชิกิเข้าชมรมถึงปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงก่อนแข่งอินเตอร์ไฮ
ไม่มีสักครั้งที่อุชิจิมะแสดงท่าทีรำคาญหรือต่อว่าโกะชิกิเลย มองอีกแง่
อาจเพราะอีกฝ่ายไม่อยู่ในสายตาจึงไม่สนใจ ถึงอย่างนั้น
ชิราบุไม่อาจนิ่งดูดายได้อยู่ดี ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป
โกะชิกิอาจก่อปัญหาให้อุชิจิมะเข้าสักวันก็ได้ ใครจะรู้
“โธ่
เค็นจิโร่ขี้กังวลเกินไปแล้ว”
เห็นชิราบุทิ้งช่วงนาน
เท็นโดเลยเข้ามากอดคอเหมือนบอกว่าไม่ต้องคิดมาก
“ถึงจะชอบเข้าไปแง่งๆ
ใส่วากะโทชิคุง แต่ยังไงก็เป็นแค่ลูกหมา สึโตมุไม่ก่อเรื่องอะไรร้ายแรงหรอกน่า
เชื่อใจรุ่นน้องหน่อย...อ๊ะ” เท็นโดเบิกตา นึกขึ้นได้ “จริงสิ
ทำไมไม่ลองคุยกับสึโตมุให้มากกว่านี้ดูล่ะ”
“หา!?”
ชิราบุหลุดเสียงไม่พอใจ
เผลอลืมว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ ทำเอาเท็นโดสะดุ้งเฮือก
“ตะ ตกใจหมดเลย! เมื่อกี้มันอะไรกันฮึ
นี่นายเคยเป็นแยงกี้เก่ามาก่อนหรือเปล่าเนี่ย”
เท็นโดใจหายใจคว่ำ กระทั่งโอฮิระยังอึ้ง
ชิราบุกระแอมไอแล้วกลับไปตอบคำถามเมื่อสักครู่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นอกจากเรื่องวอลเลย์ฯ
ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลจำเป็นอะไรต้องคุยกับหมอนั่นเลยนะครับ”
“อย่าพูดจาเย็นชาอย่างนั้นซี่!
ทีมเดียวกัน ต้องสนิทกันเข้าไว้นะ ที่สำคัญ เกิดในอนาคต
สึโตมุได้เป็นมือหนึ่งขึ้นมา ไม่พ้นต้องจับคู่กันอยู่ดี รีบๆ
ทำความรู้จักกันไว้แต่เนิ่นๆ ดีกว่าน่า จะได้รู้จักสึโตมุมากขึ้นไง อุตส่าห์มีรุ่นน้องแล้วไม่ดีใจบ้างเหรอ
ตอนเค็นจิโร่กับไทจิเข้ามา ฉันดีใจมากเลยนะ เห็นดูเฉยๆ
พอคุยด้วยแล้วกลับมีส่วนน่ารักเกินคาดเยอะเลย รุ่นพี่น่ะ
ไม่ว่ายังไงก็คอยเอ็นดูรุ่นน้องเสมอแหละ”
เท็นโดพล่ามยาว
ชิราบุทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ ทว่าขี้เกียจจะแย้งจึงพูดตอบแบบขอไปที
“งั้นเหรอครับ”
“อื้อ
ไม่เชื่อลองดูสิ รับรองเค็นจิโร่ต้องเห็นสึโตมุน่ารักขึ้นมาแน่นอน เนอะ เรอง”
“อา
ถ้าเป็นเวลาที่ไม่หาเรื่องแปลกๆ มาแข่งกับวากะโทชิล่ะก็นะ”
ชิราบุได้ยินแล้วหงิกหน้า
ไร้สาระ เขาถอนหายใจ
ปัดมือของเท็นโดออกโดยระวังไม่ให้เสียมารยาท
“กรุณาเอามือออกไปด้วยครับ
มันอึดอัด”
“ง่ะ
เค็นจิโร่ไม่น่ารักเลย”
เพิ่งพูดหยกๆ ว่าน่ารักไม่ใช่หรือไง...ชิราบุค่อนขอดในใจ
เบนสายตาไปอีกทางอย่างรำคาญ
คิดไปป่วยการเปล่าๆ
เพราะมันไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว ต่อให้ใช้เวลาร้อยปี
ชิราบุไม่มีทางมองโกะชิกิน่ารักเหมือนอย่างพวกเท็นโดได้หรอก ฉะนั้น
ไม่มีความจำเป็นที่ชิราบุต้องทำตามเท็นโดบอกแม้แต่น้อย
.
.
.
.
“นายชอบกินปลาคาเร่ต้มโชยุเหรอ”
บ่อยครั้งคนเราไม่สามารถเอาชนะความอยากรู้ของตัวเองได้
ไม่ว่าจะหยิบยกเหตุผลมามากมายล้านแปดแค่ไหนก็กลับกลายเป็นข้ออ้างไปเสียหมด
หากปล่อยให้ความกระหายใคร่รู้เข้าครอบงำจิตใจครั้งหนึ่งแล้ว
มันจะเข้าควบคุมสมองให้สั่งการร่างกาย จากนั้นจะไม่สามารถต่อต้านขัดขืนได้อีก
เราต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
ชิราบุไม่รู้ว่าเท็นโดใช้เทคนิคอะไรถึงส่งคำพูดตรงเข้าสมองให้ฝังลึกติดทนนานได้ถึงเพียงนี้
สลัดเท่าไร ไม่ออกเสียที ทางเดียวที่จะหายได้มีเพียงพูดออกไปเท่านั้น
เย็นวันถัดมา
ระหว่างเดินไล่เก็บบอลเข้าตะกร้าหลังซ้อมเสร็จ
แม้รู้ดีว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความหมาย สุดท้าย ชิราบุเข้าไปคุยกับโกะชิกิจนได้
“เอ๊ะ...?”
โกะชิกิหันขวับมามองด้วยความตกใจจนทำบอลหลุดมือ
อย่าว่าแต่ฝ่ายนู่นเลย
ชิราบุยังตกใจตัวเองเหมือนกัน หากทำได้
อยากเรียกคำพูดเมื่อกี้กลับคืนมาให้หมด
ตาคู่นั้นกะพริบปริบๆ อย่างงุนงง
“เอ่อ ชะ
ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
อาจเพราะเจอคำถามไม่คาดฝันจากรุ่นพี่ซึ่งเคยคุยกันแค่สองสามคำ
โกะชิกิจึงทำท่าคล้ายระแวงนิดๆ ดูแล้วตลกดี
“ผิดคาดนะ
เห็นหน้านึกว่าชอบออมไรส์หรือไม่ก็แฮมเบิร์กซะอีก”
ชิราบุกล่าวตรงๆ
ภาพลักษณ์ของโกะชิกิทำให้เขานึกถึงอาหารที่ให้พลังงานสูงมากกว่าอาหารสไตล์ญี่ปุ่น
นับว่าห่างไกลจากที่เคยจินตนาการไว้มากโข
โกะชิกิอ้ำอึ้งก่อนถามกลับ
“แล้วคุณชิราบุล่ะครับ”
อีกฝ่ายจ้องตา
“คุณชิราบุชอบกินอะไร”
อยากย้อนว่าถามทำไม แต่พอสบตาคู่นั้น
ไม่รู้เพราะอะไร ริมฝีปากถึงขยับสวนทางความคิดเสียดื้อๆ
“ปลาชิราสุ”
โกะชิกิเบิกตาเล็กน้อย จากนั้นหลุดยิ้ม
ชิราบุได้แต่มองด้วยความข้องใจว่ามีอะไรน่าขำงั้นหรือ
อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ เอ่ยราวกับดีใจ
“ชอบกินปลาเหมือนกันเลยนะครับ”
ชิราบุนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเบือนหน้าหลบ
รู้สึกว่าหากไม่ทำเช่นนี้ จะไม่สามารถถ่ายทอดคำพูดออกไปได้อย่างที่ใจคิด
“แต่ไม่เห็นนายฉลาดเหมือนฉันเลย”
โกะชิกิผงะอยู่นานกว่าจะรู้ตัว
“ขะ ของแบบนี้
ถ้ากินไปเรื่อยๆ ก็ฉลาดขึ้นเองแหละครับ!”
...งั้นนายคงต้องกินไปทั้งชีวิตเลยล่ะ